Pocky Siraphat
May 23 17
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีใครมีความฝันสมัยเด็กว่า “โตขึ้น ผม/หนู อยากเป็น Project Manager ครับ/ค่ะ” ตอนเด็กอาจจะไกลตัวไป เอาให้ใกล้เข้ามาอีกหน่อย ตอนเรียนจบใหม่ ใครบ้างอยากเป็น Project Manager ยกมือขึ้น … มีบ้างป่าว?
ไม่แน่ใจ (อีกครั้ง) ว่ามันจะเป็นเพราะหลักสูตรการศึกษาของเรารึเปล่าที่ทำให้ตำแหน่ง Project Manager ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า … ผมไม่ได้เรียนวิชาที่เกี่ยวกับ Project Management ในหลักสูตรปริญญาตรีเลยด้วยมั้ง งั้นเด็กจบใหม่ส่วนใหญ่ฝันถึงอะไรกัน? เดาว่าหนีไม่พ้น Developer, Tester, Network Engineer, Database Administrator, Graphic Designer, และอาชีพอื่นๆที่เน้นความสามารถทางเทคนิค (Technical Skill) เมื่อเริ่มงานแล้วความสนใจทั้งหมดก็จะมุ่งไปที่การทำงานและการพัฒนาทักษะทางเทคนิคเหล่านั้น
แต่ชีวิตจะมาพลิกผันก็ตอนที่ตื่นเช้ามาแล้วกลายเป็น Project Manager แบบไม่ทันตั้งตัวนี่แหละ จริงอยู่ที่ตำแหน่ง Project Manager นั้นต้องอาศัยประสบการณ์การทำงานอยู่ซักหน่อย แต่หลายครั้งเวลาก็ไม่ค่อยท่าเมื่อหัวหน้ามองเห็นศักยภาพในตัวเรา (เร็วไป) และมอบหมายตำแหน่งนี้ให้อย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่เรายังไม่ได้เตรียมตัว จากคนที่เคยทำงานอยู่กับความรู้และความถนัดที่ได้ร่ำเรียนมาถึงตอนนี้ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอาชีพซะแล้ว จะทำยังไงดี?
ข้อมูล 15 ข้อด้านล่างเป็นสิ่งที่ Project Manager ควรรู้และปฎิบัติ … ไม่อยากจะบอกว่าเพื่อทำให้โปรเจกต์สำเร็จเลย มันดูเกินจริงไปนิดนึง เอาแค่ว่าเพื่อการทำงานอย่างมั่นใจและเพิ่มโอกาสที่โปรเจกต์เราจะสำเร็จแล้วกันนะ ทั้งหมดนี้มาจากความคิดและหลักการทำงานของตัวผมเอง เริ่มต้นที่ข้อ 0
0. ปฏิเสธงานนี้เมื่อคุณยังมีโอกาส!!!
ฮ่าๆ ถ้าใจไม่รักจริง อย่ามาทำเล้ยยย เหนื่อยนะ โดยเฉพาะ “เหนื่อยใจ” … จริงๆแล้วงานมันไม่ยากหรอก คนต่างหากที่ทำให้มันยาก แล้ว Project Manager นี่เหมือนเป็นกระโถนรองรับเรื่องแย่ๆทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากคนในทีมและนอกทีมเลยหละ
แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าจะตัดสินใจท้าทายตัวเอง อยากขยับออกจาก Comfort Zone อยากเข้าใจว่าโดนจริงเจ็บจริงเป็นยังไง ฮ่าๆ … ผมก็รับรองได้อีกเหมือนกันว่าเราจะได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ (ไม่ได้การันตีว่ามันจะดีเสมอไป) ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ … ลองทุ่มเทกับมันดู คุ้มค่าแน่นอน
ป.ล. ที่เลือก Background รูปนี้เพราะคำว่า “Don’t Just Stand There” = อย่ายืนเฉยๆ มาเป็น Project Manager กันดีกว่า ฮ่าๆ
ไปอ่านต่อที่นี่นะ อิอิ Cr. https://medium.com/pure-project-management/project-manager-7da12669e983
Pocky_siraphat
May 23 17
โปรเจกต์คือการทำงานที่มีเป้าหมายชัดเจน (1) ต้องการทำอะไร — Scope (2) เสร็จภายในเมื่อไร — Time และ (3) ด้วยงบประมาณเท่าไร — Resource … มองกลับมาที่งานที่เราเรียกว่าโปรเจกต์ก็เพราะเราไม่เคยทำมันมาก่อน ไม่ซ้ำเก่า ต่อให้เป็นงานในโปรดักส์เดิมแต่ความต้องการของลูกค้าก็จะไม่เคยซ้ำเดิมและเรารู้ว่าต้องทำอะไร เสร็จเมื่อไร ด้วยงบเท่าไร
โอเปอเรชั่นคือการทำงานแบบซ้ำเดิมไปเรื่อยๆตามช่วงเวลาที่กำหนด บางงานทำทุกชั่วโมงทุกวันหรือทุกสัปดาห์ ในอีกมุมหนึ่งคืองานที่วิ่งเข้ามาหาเราแบบไม่เป็นเวลาคาดการณ์ล่วงหน้าได้ยาก ถ้างานมาเราก็ทำถ้าไม่มีเราก็นั่งเฉยๆ
ด้วยชื่อตำแหน่งมันก็บอกอยู่แล้วว่า Project Manager คือคนที่ต้องผลักดันให้งานที่เฉพาะเจาะจงนี้เสร็จลุล่วงไปตามเป้าหมาย ถ้าเค้าส่งมอบงานเรียบร้อยแล้วหน้าที่อย่างเป็นทางการของเค้าจะสิ้นสุดลง จากนั้นหละ?
เคยได้ยินคำว่า Operation Manager มั้ย? นั่นแหละ คนนี้ก็ต้องรับไม้งานที่เป็นโอเปอเรชั่นต่อไป บางบริษัทมีคนที่ทำงานตรงนี้ก็โอเค บางที่นั้นไม่มีเค้าเลยตั้งความคาดหวังว่า Project Manager ต้องทำงานโอเปอเรชั่นได้ด้วย ก็ว่ากันไป ที่ผมเขียนบทความนี้ก็แค่อธิบายให้กระจ่างชัดว่า ตามหลักการและความถูกต้องแล้ว Project Manager คือหนึ่งตำแหน่ง ส่วน Operation Manager ก็คืออีกหนึ่งตำแหน่ง
คนเราต่อให้เก่งขนาดไหนถ้าต้องทำงานที่หลากหลายมากเกินไป มันก็ยากนะที่จะทำอะไรให้ได้ดี หลายครั้งที่งานดีเลย์โปรเจกต์ล้มเหลวอาจจะไม่เกิดเพราะ Project Manager ไม่เก่งเพียงอย่างเดียว มันอาจจะเป็นเพราะ Project Manager คนนี้ต้อง
วางแผน ประชุมทีม คุยกับลูกค้าเรื่องความต้องการของพวกเค้า วิเคราะห์ความต้องการ รับเรื่องลูกค้าโทรแจ้งบั๊ก จัดการ Product Backlog จัดลำดับความสำคัญของงาน คุยกับผู้บริหารเรื่องสถานะของโปรเจกต์ นั่งไล่ทำรายงานจำนวน Complaint และ Ticket จากลูกค้า วิ่งวุ่นคุยกับทีมเพื่อหาสาเหตุและทางแก้ไข Ticket แต่ละใบ กลับมาวางแผนใหม่ วนๆไปแบบนี้
Cr. https://medium.com/pure-project-management/project-operation-manager-e0dd006da647
Hikaru
May 19 17
ในที่นี้เรารู้เรื่อง Model–View–Controller (MVC) พอสมควรแล้ว ในการเขียน web นั้น ถ้ากล่าวได้ง่ายๆ ส่วน ที่ใช้เชื่อมต่อกับ database ก็เหมือน model, ส่วนของ view ก็คือหน้าบ้านที่เรามักเรียกๆกัน ไว้ติดต่อกับ user และ ส่วน controller ไว้สำหรับการกำหนด function/ action หรือ logic ต่างๆ ที่นำไปใช้ในการควบคุมการทำงานหรือลูกเล่นต่างๆที่โขว์ในเวป
1. เรียนรู้รูปแบบโครงสร้างของ react คร่าวๆ
React เป็น JavaScript Library ที่ถูกสร้างโดย facebook โดยในที่นี้ react เป็น UI ที่ถูกสร้างมาตามพื้นฐานของ MVC ที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่ง react ประกอบไปด้วยส่วนของ reducer (ไว้ติดต่อกับ model/ ชุดข้อมูลใน database) / มี container ที่ไว้สำหรับการทำ control และกำหนดทิศทางของ action ต่างๆ (action creator) / และมี component ที่เปรียบเสมือน view (render => return html ออกมาประมาณนั้น)
ถ้าให้วาดเป็นรูปภาพเพื่อการเข้าใจง่ายก็จะได้ รูปภาพดังต่อไปนี้
Admin BB
May 22 17
ปีที่แล้ว SoftBank จับมือกองทุนรัฐบาลซาอุฯ ตั้งกองทุนเทคโนโลยีขนาดมหึมา 2.5 ล้านล้านบาท (70 พันล้านดอลลาร์)
ความคืบหน้าล่าสุดของกองทุน SoftBank Vision Fund ตอนนี้ระดมเงินได้แล้ว 93 พันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าระดมให้ได้ครบ 100 พันล้านดอลลาร์ภายใน 6 เดือน
นักลงทุนหลักในกองทุนนี้คือ SoftBank และ Public Investment Fund of the Kingdom of Saudi Arabia (PIF) ส่วนนักลงทุนรายอื่นๆ ที่เข้ามาเพิ่ม มีทั้ง Apple, Foxconn, Qualcomm, Sharp และกองทุน Mubadala Investment Company of the United Arab Emirates ของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์
กองทุนนี้จะลงทุนในเทคโนโลยีหลากหลายสาขา ที่ระบุชื่อได้แก่ IoT, artificial intelligence, robotics, mobile applications and computing, communications infrastructure and telecoms, computational biology and other data-driven business models, cloud technologies and software, consumer internet businesses, financial technology แต่ก็สามารถขยายไปยังสาขาอื่นๆ ได้ด้วย
DM
Mar 10 17
zender
Mar 10 17
Admin BB
Mar 07 17
Imagine this: Healthcare — the whole system — for half as much. Better, more effective. No rationing. Everybody in. dfsdgsrgrghdsfghrgh
http://www.google.com dvgfdgfr
Admin BB
Mar 07 17
Without proper interruption, a stranger sits next to you in a crowded coffee shop. You look up briefly and watch him slowly descend to his…
Admin BB
Mar 07 17
Imagine this: Healthcare — the whole system — for half as much. Better, more effective. No rationing. Everybody in.
Because we all want that. And because we can. This can be done. Let me tell you how.
I’m an industry insider, covering the industry for 37 years now, publishing millions of words in industry publications, speaking at hundreds of industry conferences, writing books, advising everyone from the U.N.’s World Health Organization, the Defense Department, and the Centers for Disease Control to governments around the world to, probably, your local hospital, your doctor, your health plan.
The economic fundamentals of healthcare in the United States are unique, amazingly complex, multi-layered and opaque. It takes a lot of work and time to understand them, work and time that few of the experts opining about healthcare on television have done. Once you do understand them, it takes serious independence, a big ornery streak, and maybe a bit of a career death wish to speak publicly about how the industry that pays your speaking and consulting fees should, can, and must strive to make half as much money. Well, I turn 67 this year and I’m cranky as hell, so let’s go.
We are back again in the cage fight over healthcare in Congress. But in all these fights we are only arguing over one question: Who pays? The government, your employer, you? A different answer to that question will distribute the pain differently, but it won’t cut the pain in half.
Admin BB
Mar 06 17
บรีส บรีส